อ่าน: 581
Prednisolone and Gentamicin (Ophthalmic) (ยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและ เจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา)
ยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและเจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา (prednisolone and gentamicin ophthalmic preparations) ประกอบด้วยตัวยาสำคัญ คือ
- เพรดนิโซโลน (prednisolone) เป็นยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า สเตอรอยด์ หรือ สเตียรอยด์ เพรดนิโซโลนมีฤทธิ์ลดอาการอักเสบและการแพ้เช่น อาการระคายเคือง บวม แดง คัน
- เจนทาไมซิน (gentamicin) เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (aminoglycosides) ใช้สำหรับรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย
ยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและเจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา ใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียของดวงตาที่มีการอักเสบชนิดรุนแรงฉับพลันหรือเรื้อรัง ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ต้องแน่ใจว่าไม่ได้เกิดจากเชื้อรา หรือไวรัส เช่น เยื่อบุตาอักเสบ (conjunctivitis) และแผลที่กระจกตา (corneal ulcers) เป็นต้น อาจใช้ร่วมกับยาหยอดตา ยาป้ายตาหรือยารับประทานอื่น ๆได้
ยาที่มีจำหน่ายได้แก่
- ยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและเจนทาไมซิน ชนิดหยอดตา (prednisolone and gentamicin eye drops)
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆหรือมีประวัติการแพ้ยาเพรดนิโซโลน (prednisolone) หรือยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) หรือ ยาเจนทาไมซิน (gentamicin) หรือยาในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (aminoglycosides) ตัวอื่น หรือส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่น ๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น
ท่านสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติเว้นแต่ว่าแพทย์ได้แจ้งท่านเป็นอย่างอื่น
ABCDX
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
- ยังไม่มีการศึกษาการใช้ยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและ เจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา (prednisolone and gentamicin ophthalmic preparations) ในสตรีมีครรภ์
- ยังไม่พบรายงานว่าการใช้ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) ชนิดใช้กับดวงตาในสตรีมีครรภ์ ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ แต่จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าเพรดนิโซโลน (prednisolone) ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนของ เมื่อทายาลงบนดวงตาของสัตว์ทดลองที่ตั้งท้อง
ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้
แม้ว่ายังไม่มีการศึกษาการใช้ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ชนิดใช้กับดวงตา (ophthalmic corticosteroids) ในสตรีมีครรภ์ แต่ยังไม่พบรายงานว่าการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ นั้นก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าเพรดนิโซโลน (prednisolone) ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อน เมื่อทายาลงบนดวงตาของสัตว์ทดลองที่ตั้งท้อง ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้
ไม่มีข้อมูลว่ายาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและเจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา (prednisolone and gentamicin ophthalmic preparations) ผ่านเข้าสู่น้ำนมได้
ยังไม่มีการพิสูจน์ถึงความปลอดภัย และประสิทธิผลของการใช้ยานี้ในเด็ก
ยังไม่มีรายงานการเกิดผลข้างเคียงหรือปัญหาใด ๆ จากการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุที่แตกต่างจากการใช้ในผู้ใหญ่วัยอื่น
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาหยอดหรือป้ายตาบริเวณเดียวกันกับยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและ เจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา (prednisolone and gentamicin ophthalmic preparations)
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและเจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา (prednisolone and gentamicin ophthalmic preparations)ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
- ต้อกระจก
- เบาหวาน
- ต้อหิน
- โรคเริมของกระจกตา
- โรคติดเชื้อไวรัสที่กระจกตา และเยื่อบุลูกตา
- วัณโรคตา
ขั้นตอนการใช้ยาหยอดตา
- ล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะใช้ยาหยอดตา
- อ่านวิธีใช้ยาบนฉลากยา ตรวจสอบวันหมดอายุของยาทุกครั้งที่ใช้
- เขย่าขวดยาก่อนใช้ยาหยอดตา
- เปิดเกลียวจุกของขวดยาไว้ (สำหรับขวดที่มีหลอดหยดแยกออกจากขวดได้ยังไม่ต้องเอาหลอดหยดออกจากขวดยา)
- นอน หรือนั่งลงให้ศีรษะเอนไปทางด้านหลัง พร้อมกับมองแหงนตาขึ้น กรณีผู้ป่วยเป็นเด็ก ควรหยอดในท่านอนสะดวกกว่า และไม่ควรหยอดตาในขณะที่เด็กร้องไห้
- ค่อย ๆ ใช้มือข้างหนึ่งดึงหนังตาล่างลงมาให้เป็นกระพุ้ง และเหลือบตาขึ้นข้างบน
- ให้ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับหลอดหยดและดูดยาให้เข้าไปในหลอดหยด (เฉพาะยาที่มีหลอดหยด ซึ่งเอาออกจากตัวขวดได้) หรือหยดได้เลย สำหรับยาที่มีหลอดหยดติดอยู่กับขวด โดยให้ปลายหลอดอยู่ใกล้ตา แต่อย่าให้สัมผัสกับตาหรือขนตา
- หยดยาตามจำนวนที่แพทย์สั่งลงตรงกระพุ้ง ด้านในของเปลือกตาล่าง
- ใช้นิ้วมือกดตรงหัวตาด้านในเบาๆประมาณ 1-2 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ยาไหลเข้าสู่ท่อนํ้าตา จะได้ไม่รู้สึกขมคอ
- ปิดตาเบา ๆ (อย่าขยี้ตา) ใช้กระดาษทิชชูซับนํ้ายาส่วนเกินออก หลับตาอย่างน้อย 2 นาที
- ถ้าต้องหยอดยาตามากกว่า 1 ชนิด ควรหยอดยาตาแต่ละชนิดห่างกันอย่างน้อย 5 นาที ถ้ามีทั้งยาหยอดตาและยาป้ายตาพร้อม ๆ กัน ควรจะใช้ยาหยอดตาก่อน ทิ้งระยะ 10 นาที แล้วจึงป้ายตา
- หลังจากหยอดยา เรียบร้อยแล้ว ปิดจุกยาให้สนิท ควรเก็บยาไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา
- หลังจากเปิดยาหยอดตาใช้แล้ว ไม่ควรจะใช้ยานั้นเกิน 1 เดือน
- ถ้ามีอาการแพ้ คือ ตาแดง บวม แสบตามาก หรือมีผิวหนังแดงมาก ต้องหยุดยา และพบจักษุแพทย์
ขนาดยาของยาสูตรผสมเพรดนิโซโลนและ เจนทาไมซิน ชนิดใช้กับดวงตา (prednisolone and gentamicin ophthalmic preparations)แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรหรือตามที่ฉลากระบุ
ถ้าลืมหยอดตา ให้หยอดตาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเกือบจะถึงเวลาที่จะหยอดตาครั้งต่อไป ก็ไม่ต้องหยอดตาครั้งที่ลืม แต่รอหยอดยาครั้งต่อไปได้เลย
- เก็บให้พ้นมือเด็ก
- เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็ง
- ทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ
- ยาหยอดตาหลังจากเปิดฝาแล้วให้เก็บในตู้เย็น และมีอายุ 1 เดือน หากเปิดฝาเกิน 1 เดือนให้ทิ้งยานั้น
หากต้องใช้ยาเกินกว่า 2-3 สัปดาห์ ท่านควรไปพบจักษุแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจดูอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ยา
หากอาการอักเสบ หรือปวดไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน หรือแย่ลง ควรหยุดยาและรีบกลับไปพบแพทย์
หยุดยา และรีบกลับไปพบแพทย์ทันที หากใช้ยาแล้ว มีผื่นผิวหนัง หรือปฏิกิริยาการแพ้เกิดขี้น
- สำหรับผู้ป่วยที่ใส่เลนส์สัมผัส ให้ถอดเลนส์สัมผัสก่อนหยอดตาเพื่อหลีกเลี่ยงการดูดซับของยาของเลนส์สัมผัส ซึ่งอาจทำให้เลนส์สัมผัสเสียได้
- ห้ามใช้ยาหยอดตาร่วมกับผู้อื่น เพราะจะติดโรคกันได้
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ปลายหลอดสัมผัสตา นิ้ว หรือสิ่งอื่น
- ถ้ายาหยอดตาเปลี่ยนสี ห้ามใช้ต่อไปอีก
- ยาที่มีส่วนผสมของเพรดนิโซโลน (prednisolone) มีผลกดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ใช้ยายาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ติดเชื้อต่างๆ และเกิดโรคของดวงตาได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น โรคติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อราที่ดวงตา เป็นต้น
- ไม่ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของเพรดนิโซโลน ชนิดใช้กับดวงตา (ophthalmic prednisolone) ในโรคตาแดงโดยไม่ได้รับการตรวจจากแพทย์ เพราะการใช้ยาไม่ถูกต้องอาจทำให้ตาบอดได้
- การใช้ยาที่มีส่วนผสมของเพรดนิโซโลน ชนิดใช้กับดวงตา (ophthalmic prednisolone) ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น , ต้อหิน, ต้อกระจก, โรคที่เกิดจากกระจกตาดำและผนังตาบางลง
- การใช้ยาเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการดื้อยาและการเจริญมากไปของเชื้อที่ดื้อยาได้ ทำให้เกิดการติดเชื้อสำทับได้ (superinfection)
- ก่อนใช้ยาที่มีส่วนผสมของเจนทามัยซิน (gentamicin) ควรแน่ใจก่อนว่าผู้ป่วยไม่เคยมีประวัติแพ้ยาอื่นในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (aminoglycosides) และควรสังเกตอาการแพ้ยาอย่างใกล้ชิดถ้าผู้ป่วยเคยมีประวัติแพ้ยาดังกล่าวและได้รับยาที่มีส่วนผสมของเจนทาไมซิน เพราะมีโอกาสเกิดการแพ้ข้ามกันได้
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. พบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้
พบน้อย
- คัน, ระคายเคืองตา โดยไม่เคยเป็นมาก่อน, ตาหรือเปลือกตาแดง
ข. พบแพทย์โดยเร็วหากมีอาการต่อไปนี้
พบไม่บ่อย น้อยหรือพบน้อย
- การมองเห็นลดลง
- ติดเชื้อที่ดวงตา
- ปวดตา
- ตาพร่า หรือสูญเสียการมองเห็น
- คลื่นไส้ อาเจียน
ค.อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบไม่บ่อย หรือพบน้อย
- ระคายเคือง แสบตา ตาแดง
- น้ำตาไหลมาก
ง. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ห้ามใช้ยาในกรณีที่ตาติดเชื้อไวรัส, เชื้อรา, เชื้อวัณโรค หรือตาอักเสบติดเชื้อที่มีหนองร่วมด้วย
- ห้ามใช้ในกรณีที่เป็นต้อหิน หรือกระจกตาอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริม (herpes) เนื่องจากการใช้สเตอรอยด์ในโรคดังกล่าวอาจทำให้โรคลุกลามมากขึ้น
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Betamethasone and Neomycin (Ophthalmic) , Dexamethasone (Ophthalmic) , Dexamethasone and Chloramphenicol (Ophthalmic) , Dexamethasone and Gentamicin (Ophthalmic) , Dexamethasone and Moxifloxacin (Ophthalmic) , Dexamethasone and Neomycin (Ophthalmic) , Dexamethasone, Chloramphenicol and Tetrahydrozoline (Ophthalmic), Dexamethasone, Framycetin and Gramicidin (Ophthalmic), Dexamethasone, Neomycin and Polymyxin B (Ophthalmic) , Fluorometholone (Ophthalmic) , Fluorometholone and Tetrahydrozoline (Ophthalmic) , Hydrocortisone (Ophthalmic) , Hydrocortisone and Neomycin (Ophthalmic) , Prednisolone (Ophthalmic) , Prednisolone and Neomycin (Ophthalmic) , Prednisolone and Ofloxacin (Ophthalmic) , Prednisolone, Chloramphenicol and Naphazoline (Ophthalmic)
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Predoph eye-ear drops (เพรดอ๊อฟ ยาหยอดตาหู)
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว
- กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นทะเบียนยาสามัญสำหรับยาเดี่ยว.Prednisolone. Available at: http://wwwapp1.fda.moph.go.th/ed2547/?url=14 Access Date: Oct 12, 2010.
- สุชาดา ชุติมาวรพันธ์, โพยม วงศ์ภูวรักษ์, อภิฤดี เหมะจุฑา. คู่มือทักษะตามเกณฑ์ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม (พ.ศ.2550). สภาเภสัชกรรม. หน้า 66-91.
- Dailymed current medication information . Prednisolone . Available at: http://0-dailymed.nlm.nih.gov.www.elgar.govt.nz/dailymed/about.cfm Date: Oct 12, 2010.
- DRUGDEX® System:Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com (cited: 12/10/2010).
- McEvoy GK, Snow EK, Miller J et al. AHFS Drug information 2009. the American Society of Health-System Pharmacists,Inc.Bestheda. 2009. p3512.
- MedlinePlus Trusted Health Information for You. Corticosteroids (Ophthalmic) Available at http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/drug_Aa.html. Access Date: March 17, 2005.
- Micromedex Thomson Healthcare. Advice for the Patient Drug Information in Lay Language USP DI, volume ll. 25th ed. Massachusetts: Micromedex Thomson Healthcare, 2005: p 856-857.