อ่าน: 164
Small_font Large_font

Ifosfamide (ไอฟอสฟาไมด์)

คำอธิบายพอสังเขป

ไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) เป็นอนุพันธ์ของไนโทรเจนมัสทาร์ด (nitrogen mustard derivatives) อยู่ในรูปสารที่ไม่ออกฤทธิ์ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นสารออกฤทธิ์ที่ตับ โดยเอนไซม์ไซโตโครมพี 450 (cytochrome P450) สารออกฤทธิ์ของไอฟอสฟาไมด์คือไอฟอสฟาไมด์มัสทาร์ด (ifosfamide mustard) ซึ่งออกฤทธิ์โดยจับกับส่วนประกอบในสายดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมที่สำคัญ ทำให้เซลล์มะเร็งมีการเชื่อมสายดีเอ็นที่ผิดปกติ (DNA cross-link) จึงทำให้เซลล์มะเร็งตาย
ไอฟอสฟาไมด์ ใช้รักษาโรคมะเร็งต่าง ๆ เช่น

  • มะเร็งอัณฑะชนิดเจิร์มเซลล์ (germ cell testicular cancer) โดยใช้ร่วมกับเมสนา (mesna) เพื่อป้องกันไม่ให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบมีเลือดออก (hemorrhagic cystitis)

ไอฟอสฟาไมด์ อาจใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆได้อีก ดังนั้นหากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

ก่อนการใช้ยา

การแพ้ยา

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือมี ประวัติการแพ้ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น

อาหารและเครื่องดื่มที่ต้องระวัง

  • ยาเคมีบำบัดมีผลต่อไขกระดูกทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดขาวลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ควรรับประทานอาหารที่สะอาด และปรุงสุกเเล้วใหม่ ๆ ควรงดรับประทานผักสด หรือผลไม้ที่รับประทานทั้งเปลือก หากต้องการรับประทานควรล้างให้สะอาดและปอกเปลือกก่อนรับประทาน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ระหว่างใช้ยานี้

ตั้งครรภ์

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์

ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้ หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ายาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) สามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของหน่วยทางพันธุกรรมในโครโมโซม (gene mutations) ทำลายโครโมโซม และเกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนของสัตว์ทดลองอีกด้วย
โปรดแจ้งแก่แพทย์หากกำลังวางแผนจะมีบุตร เนื่องจากยาไอฟอสฟาไมด์ อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือเกิดทารกวิรูปได้เมื่อให้ยาในหญิงตั้งครรภ์ สตรีวัยเจริญพันธุ์ควรใช้วิธีคุมกำเนิดระหว่างใช้ยานี้

กำลังให้นมบุตร

ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) สามารถผ่านออกทางน้ำนมได้ โปรดแจ้งแก่แพทย์หากท่านกำลังให้นมบุตร หรือตั้งใจจะให้นมบุตรในระหว่างที่ได้รับยา เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง จึงไม่แนะนำให้ทารกได้รับน้ำนมมารดาระหว่างใช้ยานี้

เด็ก

ยังไม่มีการพิสูจน์ถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยในผู้ป่วยเด็ก

ผู้สูงอายุ

ยาหลายชนิดยังไม่มีการศึกษาในผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงยังไม่ทราบการทำงานที่แท้จริงของยาว่ามีการทำงานเช่นเดียวกันกับในผู้ป่วยวัยอื่นหรือไม่ รวมทั้งยังไม่ทราบว่ายานี้ทำให้เกิดอาการข้างเคียง, ปัญหาใด ๆ ที่แตกต่างกันในผู้สูงอายุหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการใช้ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ในผู้สูงอายุกับวัยอื่น ๆ

ยาอื่นที่ใช้อยู่

ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่น ๆ ที่จำเป็น ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย

แอมโฟเทอริซิน บี (amphotericin B) ยาต้านไทรอยด์ (antithyroid agents)
คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol) คอลชิซีน (colchicine)
ฟลูไซโทซีน (flucytosine) แกนไซโคลเวียร์ (ganciclovir)
พลิคามัยซิน (plicamycin) ซิโดวูดีน (zidovudine)
อินเทอเฟียรอน (interferon) แอพริพิแทนท์ (aprepitant)
วอร์ฟาริน (warfarin)
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (influenza virus vaccine, live) วัคซีนโรคหัด (measles virus vaccine, live)
วัคซีนโรคคางทูม (mumps virus vaccine, live) วัคซีนโรคโปลิโอ (poliovirus vaccine, live)
วัคซีนโรตาไวรัส (rotavirus vaccine, live) วัคซีนโรคหัดเยอรมัน (rubella virus vaccine, live)
วัคซีนโรคฝีดาษ (smallpox vaccine) วัคซีนไทฟอยด์ (typhoid vaccine)
วัคซีนโรคอีสุกอีใส (varicella virus vaccine) วัคซีนไข้เหลือง (yellow fever vaccine)
วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG vaccine)

ภาวะโรคร่วม

ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น

  • โรคอีสุกอีใส อาจทำให้โรครุนแรงขึ้น
  • โรคงูสวัด อาจทำให้โรครุนแรงขึ้น
  • โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
  • ภาวะเลือดจาง
  • โรคติดเชื้อต่าง ๆ ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) จะลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • โรคตับ
  • โรคไต

การใช้ที่ถูกต้อง

ยามีจำหน่ายในรูปแบบยาฉีด

  • ยานี้ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • ระหว่างได้รับยานี้ ท่านควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
  • สารละลายยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) เตรียมโดยเภสัชกร ใช้สำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำ โดยพยาบาลผู้มีความเชี่ยวชาญในการให้ยาเคมีบำบัด
  • ยาไอฟอสฟาไมด์ อาจทำให้ท่านมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หากทนไม่ได้ ท่านต้องแจ้งแพทย์หรือพยาบาลที่ดูแล
  • ในขณะที่ได้รับยาควรดื่มน้ำให้มาก ประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน เว้นแต่ว่าได้รับการจำกัดน้ำ และควรปัสสาวะบ่อย ๆ เพื่อลดโอกาสเกิดอาการข้างเคียงต่อกระเพาะปัสสาวะ
  • ควรมาตรวจตามแพทย์นัดเพื่อติดตามผลการรักษาเป็นระยะ และให้ได้รับยาตามแผนการรักษา การได้ยาไม่ครบ หรือระยะเวลาไม่ตรงกำหนด ก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษา ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาการให้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

ขนาดยา

ขนาดยาของยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนัก ส่วนสูงของผู้ป่วย ชนิดและระยะของโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็น รวมทั้งผลการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์ แนะนำ และกำหนดเวลา และมีเภสัชกรผู้เตรียมยาเคมีบำบัด ตรวจสอบขนาดยาที่ท่านได้รับ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย นอกจากนี้ความถี่ของการให้ยาไอฟอสฟาไมด์ อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสูตรยาที่ใช้ และสภาพร่างกายของผู้ป่วย เช่น ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน บางครั้งอาจต้องหยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ร่างกายมีเวลาพัก และซ่อมแซมเซลล์ปกติให้แข็งแรงพอที่จะให้ยาในครั้งต่อไปได้

เมื่อลืมใช้ยา

  • มารับยาตามแพทย์นัด เพื่อให้ได้ยาตามแผนการรักษา การได้ยาไม่ครบ หรือระยะเวลาไม่ตรงกำหนด อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษา ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาการให้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

การเก็บรักษา

เก็บยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ในภาชนะบรรจุจากผู้ผลิต ไว้ใที่อุณหภูมิ 21-25° องศาเซลเซียส และป้องกันแสง

ข้อควรระวัง

  • ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) มีผลต่อไขกระดูกทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดงลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย หรือภาวะเลือดออกง่าย
  • ควรหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนที่เป็นหวัด หัด สุกใส วัณโรค มีไข้ หรือติดเชื้ออื่น ๆ หากมีอาการผิดปกติ ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะแสบขัด เจ็บคอ ท้องร่วง เหนื่อยหอบผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ และแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่าท่านกำลังรักษาด้วยยาเคมีบำบัดอยู่
  • ระหว่างที่ได้รับการรักษาด้วยยาไอฟอสฟาไมด์ ท่านไม่ควรได้รับวัคซีนใด ๆ โดยไม่ได้แจ้งแพทย์ เนื่องจากยาทำให้ภูมิคุ้มกันของท่านลดลง และมีโอกาสติดเชื้อจากวัคซีนที่ท่านได้รับ นอกจากนี้บุคคลที่ท่านอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ควรได้รับวัคซีนโปลิโอ เพราะอาจทำให้ท่านได้รับเชื้อไวรัสโปลิโอได้
  • ควรพบแพทย์ทันทีถ้าท่านมีเลือดออกผิดปกติ ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด ควรระมัดระวังการใช้ไหมขัดฟัน หรือไม้จิ้มฟัน และแจ้งทันตแพทย์ทุกครั้งว่าใช้ยานี้อยู่
  • ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) อาจทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีเลือดออก (hemorrhagic cystitis) เนื่องจากยาเปลี่ยนเป็นสารที่ชื่อว่า อะโครเลอิน (acrolein) ซึ่งขับออกทางปัสาวะและทำลายเยื่อบุทางเดินปัสสาวะ ซึ่งป้องกันได้โดยการที่แพทย์จะให้สารน้ำต่างๆ ทางหลอดเลือดดำ และการดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ ปัสสาวะบ่อยๆ ไม่กลั้นปัสสาวะ เพื่อลดระยะเวลาที่อะโครเลอินสัมผัสกับทางเดินปัสสาวะ และใช้ยาเมสนา (mesna)ร่วมกับไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) เพื่อป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีเลือดออกได้
  • ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) รบกวนการสมานแผลทำให้แผลหายช้า
  • ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) อาจก่อให้เกิดอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง เช่น อาการง่วงซึม, สับสน,ประสาทหลอน และอาจถึงขั้นโคม่าได้ โดยมักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง หากเกิดอาการดังกล่าวขึ้นแพทย์ผู้รักษาอาจพิจารณาหยุดยาและให้การรักษาเพื่อประคับประคองอาการจนกว่าจะหายเป็นปกติ

อาการไม่พึงประสงค์

ยาอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการข้างเคียงขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ก. แจ้งแพทย์หรือพยาบาลผู้ดูแลทันทีหากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อยมาก

  • ปัสสาวะเป็นเลือด, เจ็บขณะปัสสาวะ

พบไม่บ่อย
  • ไอหรือเสียงแหบร่วมกับมีไข้หรือสั่น, ไข้หรือสั่น, ปวดบั้นเอวร่วมกับมีไข้หรือสั่น

พบน้อย
  • อุจจาระดำ, อุจจาระเป็นเลือด, มีเลือดออกผิดปกติหรือมีจ้ำเลือด

ข. พบแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อยมาก

  • ภาวะกายใจไม่สงบ (agitation), สับสน, ประสาทหลอน, อ่อนเพลียมาก

พบไม่บ่อย
  • อาการเวียนศีรษะ, ปวดบวม แดง บริเวณที่ฉีดยา

พบน้อย
  • ชัก, หายใจได้สั้นๆ , แผลในปาก

ค. อาการข้างเคียงอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่อง จากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อยมาก

  • คลื่นไส้อาเจียน

ยานี้อาจทำให้ผมร่วงขณะใช้ยา หลังจากหยุดยาแล้วผมจะกลับมางอกตามปกติ

ง. อาการข้างเคียงอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

กลุ่มยา

ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้

Busulfan, Carmustine , Chlorambucil , Cyclophosphamide , Dacarbazine, Melphalan, Mitomycin or Mitomycin-C , Temozolomide

ชื่อทางการค้า

ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้

Holoxan 500 mg injection (โฮล๊อกซาน 500 มก. ยาฉีด), Holoxan 1 g injection (โฮล๊อกซาน 1 กรัม ยาฉีด), Ifolem injection (ไอโฟเลม ยาฉีด), Ifo-cell injection, Cuantil injection

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว

แหล่งอ้างอิง

  1. กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นทะเบียนยาสามัญสำหรับยาเดี่ยว. Ifosfamide . Available at: http://wwwapp1.fda.moph.go.th/ed2547/?url=14 Access Date: Aug 24, 2010.
  2. วิลาวัณย์ พิชัยรัตน์ และ สมสมัย สุธีรศานต์. การดูแลตนเองเมื่อได้รับยาเคมีบำบัด [สำหรับผู้ป่วยเเละครอบครัว] พิมพ์ครั้งที่ 2 . โรงพยาบาลสงขลานครินทร์. 2552 หน้า 5-19
  3. CPM medica. MIMS Thailand Online. Available at http://www.mims.com. Access Date: Aug 24, 2010.
  4. Dailymed current medication information . Ifosfamide. Available at: http://dailymed.nlm.nih.gov/dailymed/drugInfo.cfm?id=6895 Date: Aug 24, 2010.
  5. DRUGDEX® System:Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com (cited: 24/8/2010).
  6. Medina PJ and Fausel C. Cancer Treatment and Chemotherapy. In : DiPiro JT, Talbert RL, Yee GC, Matzke GR, Wells BG and Posey LM , editors.PharmacotherapyA Pathophysiologic Approach 7th ed. New York: McGraw-Hill; 2008. p. 2085-2108.
  7. MedlinePlus Trusted Health Information for You. Ifosfamide (Systemic) Available at http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/drug_Aa.html. Access Date: March 17, 2005.
  8. The Merck Manuals Online medical Library The Merck Manual for Healthcare Professionals: Ifosfamide Drug Information Provided by Lexi-Comp. Available at: http://www.merck.com/mmpe/lexicomp/ifosfamide.html Access Date: Aug 24, 2010.

ไตรรัตน์ แก้วเรือง
โพยม วงศ์ภูวรักษ์
06 กันยายน 2553 18 กันยายน 2553
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย