ไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) เป็นอนุพันธ์ของไนโทรเจนมัสทาร์ด (nitrogen mustard derivatives) อยู่ในรูปสารที่ไม่ออกฤทธิ์ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นสารออกฤทธิ์ที่ตับ โดยเอนไซม์ไซโตโครมพี 450 (cytochrome P450) สารออกฤทธิ์ของไอฟอสฟาไมด์คือไอฟอสฟาไมด์มัสทาร์ด (ifosfamide mustard) ซึ่งออกฤทธิ์โดยจับกับส่วนประกอบในสายดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมที่สำคัญ ทำให้เซลล์มะเร็งมีการเชื่อมสายดีเอ็นที่ผิดปกติ (DNA cross-link) จึงทำให้เซลล์มะเร็งตาย
ไอฟอสฟาไมด์ ใช้รักษาโรคมะเร็งต่าง ๆ เช่น
ไอฟอสฟาไมด์ อาจใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆได้อีก ดังนั้นหากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือมี ประวัติการแพ้ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์
ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้ หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ายาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) สามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของหน่วยทางพันธุกรรมในโครโมโซม (gene mutations) ทำลายโครโมโซม และเกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนของสัตว์ทดลองอีกด้วย
โปรดแจ้งแก่แพทย์หากกำลังวางแผนจะมีบุตร เนื่องจากยาไอฟอสฟาไมด์ อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือเกิดทารกวิรูปได้เมื่อให้ยาในหญิงตั้งครรภ์ สตรีวัยเจริญพันธุ์ควรใช้วิธีคุมกำเนิดระหว่างใช้ยานี้
ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) สามารถผ่านออกทางน้ำนมได้ โปรดแจ้งแก่แพทย์หากท่านกำลังให้นมบุตร หรือตั้งใจจะให้นมบุตรในระหว่างที่ได้รับยา เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง จึงไม่แนะนำให้ทารกได้รับน้ำนมมารดาระหว่างใช้ยานี้
ยังไม่มีการพิสูจน์ถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยในผู้ป่วยเด็ก
ยาหลายชนิดยังไม่มีการศึกษาในผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงยังไม่ทราบการทำงานที่แท้จริงของยาว่ามีการทำงานเช่นเดียวกันกับในผู้ป่วยวัยอื่นหรือไม่ รวมทั้งยังไม่ทราบว่ายานี้ทำให้เกิดอาการข้างเคียง, ปัญหาใด ๆ ที่แตกต่างกันในผู้สูงอายุหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการใช้ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ในผู้สูงอายุกับวัยอื่น ๆ
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่น ๆ ที่จำเป็น ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย
แอมโฟเทอริซิน บี (amphotericin B) | ยาต้านไทรอยด์ (antithyroid agents) |
คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol) | คอลชิซีน (colchicine) |
ฟลูไซโทซีน (flucytosine) | แกนไซโคลเวียร์ (ganciclovir) |
พลิคามัยซิน (plicamycin) | ซิโดวูดีน (zidovudine) |
อินเทอเฟียรอน (interferon) | แอพริพิแทนท์ (aprepitant) |
วอร์ฟาริน (warfarin) | |
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (influenza virus vaccine, live) | วัคซีนโรคหัด (measles virus vaccine, live) |
วัคซีนโรคคางทูม (mumps virus vaccine, live) | วัคซีนโรคโปลิโอ (poliovirus vaccine, live) |
วัคซีนโรตาไวรัส (rotavirus vaccine, live) | วัคซีนโรคหัดเยอรมัน (rubella virus vaccine, live) |
วัคซีนโรคฝีดาษ (smallpox vaccine) | วัคซีนไทฟอยด์ (typhoid vaccine) |
วัคซีนโรคอีสุกอีใส (varicella virus vaccine) | วัคซีนไข้เหลือง (yellow fever vaccine) |
วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG vaccine) |
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
ยามีจำหน่ายในรูปแบบยาฉีด
ขนาดยาของยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนัก ส่วนสูงของผู้ป่วย ชนิดและระยะของโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็น รวมทั้งผลการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์ แนะนำ และกำหนดเวลา และมีเภสัชกรผู้เตรียมยาเคมีบำบัด ตรวจสอบขนาดยาที่ท่านได้รับ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย นอกจากนี้ความถี่ของการให้ยาไอฟอสฟาไมด์ อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสูตรยาที่ใช้ และสภาพร่างกายของผู้ป่วย เช่น ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน บางครั้งอาจต้องหยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ร่างกายมีเวลาพัก และซ่อมแซมเซลล์ปกติให้แข็งแรงพอที่จะให้ยาในครั้งต่อไปได้
เก็บยาไอฟอสฟาไมด์ (ifosfamide) ในภาชนะบรรจุจากผู้ผลิต ไว้ใที่อุณหภูมิ 21-25° องศาเซลเซียส และป้องกันแสง
ยาอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการข้างเคียงขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. แจ้งแพทย์หรือพยาบาลผู้ดูแลทันทีหากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อยมาก
ข. พบแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อยมาก
ค. อาการข้างเคียงอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่อง จากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อยมาก
ง. อาการข้างเคียงอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Busulfan, Carmustine , Chlorambucil , Cyclophosphamide , Dacarbazine, Melphalan, Mitomycin or Mitomycin-C , Temozolomide
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Holoxan 500 mg injection (โฮล๊อกซาน 500 มก. ยาฉีด), Holoxan 1 g injection (โฮล๊อกซาน 1 กรัม ยาฉีด), Ifolem injection (ไอโฟเลม ยาฉีด), Ifo-cell injection, Cuantil injection
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว