อ่าน: 453
Small_font Large_font

Amprenavir (แอมพรีนาเวียร์)

คำอธิบายพอสังเขป

ยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) จัดเป็นยากลุ่มที่สามารถขัดขวางการทำงานของเอนไซม์โปรตีเอส (protease inhibitor) ซึ่งใช้เป็นยาร่วมกับยาอื่นในการรักษาภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus, HIV) ซึ่งไวรัสเอชไอวีจะทำให้เกิดโรคเอดส์หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS)

ยาแอมพรีนาเวียร์ไม่สามารถรักษาหรือป้องกันภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ แต่ยานี้จะช่วยชะลอการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสเอชไอวีและการเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องให้ช้าลงซึ่งอาจช่วยชะลอการเกิดอาการหรือปัญหาต่าง ๆเนื่องจากภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ยาแอมพรีนาเวียร์ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีจากท่านไปสู่ผู้อื่นได้ ผู้ที่ได้รับยานี้ยังอาจเกิดปัญหาต่างๆที่มักเกิดจากภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ก่อนการใช้ยา

การแพ้ยา

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆหรือมีประวัติการแพ้ยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่น ๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น

ตั้งครรภ์

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์

จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลของยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) ในสตรีมีครรภ์ อย่างไรก็ตามเคยมีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ายาแอมพรีนาเวียร์ ทำให้เกิดตัวอ่อนพิการหรือวิรูปและปัญหาอื่น ๆได้

หากท่านกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้

กำลังให้นมบุตร

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมของมนุษย์ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากยานี้มีแนวโน้มที่สามารถทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ในขณะให้นมบุตรและมีความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสเอชไอวีจะผ่านเข้าสู่ทารกได้ จึงไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในขณะให้นมบุตร

เด็ก

เคยมีการศึกษายาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป โดยรับประทานในขนาดที่ให้ผลในการรักษา ผลการทดลองพบว่ายานี้ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือเกิดปัญหาใดที่แตกต่างจากที่เกิดในผู้ใหญ่

ผู้สูงอายุ

ยังไม่ทราบว่ายาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) ทำให้เกิดอาการข้างเคียง, ปัญหาใด ๆ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้สูงอายุกับผู้ป่วยวัยอื่นหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุกับวัยอื่น ๆ

ยาอื่นที่ใช้อยู่

ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่มียาสองช นิดแตกต่างกัน อาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม ในกรณีนี้แพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์
(amprenavir) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาใด ๆ ต่อไปนี้อยู่

ยาแอมพรีนาเวียร์จะรบกวนการขับออกของยาต่อไปนี้ ทำให้โอกาสในการเกิดผลไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น

  • อะมิโอดาโรน (amiodarone)
  • แอสทีมิโซล (astemizole)
  • บีไพรดิล (bepridil)
  • ซิซาไพรด์ (cisapride)
  • โคลซาพีน (clozapine)
  • ไดไฮโดรเออร์โกทามิน (dihydroergotamine)
  • เออร์โกทามิน (ergotamine)
  • ยาลดไขมันกลุ่มยับยั้งเอนไซม์เอชเอ็มจี-โคเอรีดักเทส (HMG-CoA reductase) เช่น อะทอร์วาสแททิน (atorvastatin), เซริวาสแททิน (cerivastatin), ลอวาสแททิน (lovastatin), พราวาสแททิน (pravastatin), ซิมวาสแททิน (simvastatin) เป็นต้น
  • มิดาโซแลม (midazolam)
  • ควินิดีน (quinidine)
  • ไตรเอโซแลม (triazolam)
  • ยาต้านซึมเศร้ากลุ่มไทรไศคลิก (tricyclic) เช่น เอมิทริปทิลลีน (amitriptylline), เอม็อกซาปีน (amoxapine), โคลมิพรามีน (clomipramine), เดซิพรามีน (desipramine), โดเซปิน (doxepin), อิมิพรามีน (imipramine), นอร์ทริปทิลลีน

(nortriptylline), โปรทริปทิลลีน (protriptylline), ไตรมิพรามีน (trimipramine) เป็นต้น
  • วาร์ฟาริน (warfarin)

การใช้ยาลดกรด (antacids) หรือ ไดดาโนซีน (didanosine) ร่วมกับยาแอมพรีนาเวียร์จะทำให้ยาแอมพรีนาเวียร์มีฤทธิ์ลดลงได้ ดังนั้นควรรับประทานยาลดกรด (antacids) หรือไดดาโนซีน (didanosine) ก่อนหรือหลังรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์อย่างน้อย 1 ชั่วโมง

การใช้คาร์บามาซีพีน (carbamazepine) หรือ ไรฟาบูติน (rifabutin) ร่วมกับยาแอมพรีนาเวียร์ อาจทำให้ปริมาณยาคาร์บามาซีพีน หรือไรฟาบูตินเพิ่มขึ้นและปริมาณยาแอมพรีนาเวียร์ในเลือดลดลง

การใช้ยาซิลดีนาฟิล (sildenafil) ร่วมกับยาแอมพรีนาเวียร์อาจทำให้ปริมาณยาซิลดีนาฟิลในร่างกายเพิ่มขึ้นทำให้ผลข้างเคียงจากยาเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ความดันโลหิตต่ำ, การมองเห็นเปลี่ยนแปลงไป, อวัยวะเพศแข็งตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง

ไม่ควรรับประทานยาไดซัลฟิแรม (disulfiram) หรือ เมโทรนิดาโซล (metronidazole) ร่วมกับแอมพรีนาเวียร์ในรูปแบบยาน้ำสำหรับรับประทาน เนื่องจากผลไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงอาจเกิดขึ้นได้

ยาแอมพรีนาเวียร์อาจทำให้ยาคุมกำเนิด (oral contraceptives) มีประสิทธิภาพน้อยลง

การใช้ยาต่อไปนี้ร่วมกับยาแอมพรีนาเวียร์ทำให้ปริมาณยาแอมพรีนาเวียร์(amprenavir) ในร่างกายลดลงและอาจออกฤทธิ์ได้น้อยลง

  • ฟีโนบาร์บิทอล (phenobarbital)
  • เฟนิทอยน์ (phenytoin)
  • ริแฟมพิซิน (rifampicin)
  • สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ด (St.john’s wort)

ภาวะโรคร่วม

ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น

  • เบาหวาน
  • โรคเลือดไหลไม่หยุด (hemophilia)
  • โรคไตวาย
  • โรคตับ
  • ภาวะขาดวิตามินเค โดยปริมาณวิตามินอีที่เป็นส่วนผสมในรูปแบบยานี้อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะเลือดออกในผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินเคได้

การใช้ที่ถูกต้อง

  • ยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) อาจรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรรับประทานพร้อมอาหารที่มีไขมันสูงเนื่องจากการรับประทานพร้อมกันอาจลดการดูดซึมยาแอมพรีนาเวียร์เข้าสู่ร่างกาย ทำให้ระดับยาในเลือดลดลง
  • ห้ามรับประทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ขณะที่รับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ในรูปแบบยาน้ำสำหรับรับประทาน
  • ท่านต้องรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามรับประทานในจำนวนที่มากกว่า, บ่อยกว่าหรือนานกว่าที่แพทย์สั่ง ห้ามหยุดรับประทานยาเองหากแพทย์ไม่ได้สั่ง
  • ท่านต้องรับประทานยานี้จนครบระยะเวลาในการรักษา แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
  • ยาแอมพรีนาเวียร์จะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดเมื่อมีระดับยาในกระแสเลือดคงที่ เพื่อช่วยให้ระดับยาในกระแสเลือดคงที่ พยายามรับประทานยาให้ตรงเวลา และควรเว้นระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งเท่า ๆ กัน เช่น หากท่านต้องรับประทานยาวันละ 2 ครั้ง ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละมครั้งคือ 12 ชั่วโมง เป็นต้น หากท่านมีปัญหาเรื่องการวางแผนการรับประทานยา ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์
  • ท่านควรรับประทานเฉพาะยาที่แพทย์สั่ง รวมทั้งห้ามใช้ยานี้ร่วมกับผู้อื่น

ขนาดยา

ขนาดยาของยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกรหรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา

จำนวนครั้งของการรับประทานยาในแต่ละวัน,ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านรับประทานยาขึ้นอยู่กับสภาวะโรคของท่านที่ท่านต้องรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์

เมื่อลืมใช้ยา

หากท่านรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) ในรูปแบบแคปซูลและลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

หากท่านรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ในรูปแบบยาน้ำสำหรับรับประทานและท่านลืมรับประทานยา หากระยะเวลาที่ลืมยังไม่เกิน 4 ชั่วโมงจากเวลาที่ต้องรับประทานยา ให้รีบรับประทานทันที แต่หากระยะเวลาที่ลืมนั้นเกิน 4 ชั่วโมงให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ

การเก็บรักษา

  • เก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
  • ห้ามเก็บยาไว้ในห้องน้ำ ใกล้อ่างล้างมือหรือที่ชื้น เนื่องจากความร้อนหรือความชื้นอาจเป็นสาเหตุให้ยาเสื่อมคุณภาพ
  • ห้ามเก็บยารูปแบบยาน้ำแขวนตะกอนในช่องแช่แข็ง
  • ทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ

ข้อควรระวัง

  • ยาแอมพรีนาเวียร์ ไม่สามารถลดความเสี่ยงของภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์หรือการได้รับเลือดจากผู้ที่มีเชื้อได้ เชื้อไวรัสเอชไอวี อาจแพร่สู่ผู้อื่นโดยผ่านสารคัดหลั่งต่าง ๆ ของร่างกายรวมทั้งเลือด, ของเหลวบริเวณช่องคลอดหรือน้ำอสุจิ**
  • ไม่ควรรับประทานยาอื่น ๆ รวมทั้งอาหารเสริม, สมุนไพรหรือวิตามินร่วมกับยาแอมพรีนาเวียร์ (amprenavir) โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากการรับประทานยา, อาหารเสริม, สมุนไพรหรือวิตามินร่วมกับยานี้อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงจากยาแอมพรีนาเวียร์หรือจากยาอื่น ๆ มากขึ้น
  • ยาแอมพรีนาเวียร์อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดบางชนิด เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ท่านควรใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วยในขณะที่รับประทานยาแอมพรีนาเวียร์
  • ในผู้ป่วยเบาหวาน ยาแอมพรีนาเวียร์ อาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด หากท่านสังเกตพบว่า ผลระดับน้ำตาลในเลือดหรือในปัสสาวะมีการเปลี่ยนแปลงมากหรือมีข้อสงสัยใด ๆ ควรสอบถามแพทย์
  • ไม่ควรรับประทานวิตามินอีมากเกินไปในขณะที่รับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ โดยรับประทานวิตามินอีในขนาดที่แนะนำต่อวันตามขนาดของผู้ใหญ่หรือเด็ก
  • การมาพบแพทย์ตามนัดมีความสำคัญมากเพื่อแพทย์จะได้ติดตามว่า ยาให้ผลในการรักษาหรือไม่และมีอาการไม่พึงประสงค์จากการรับประทานยาบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เพิ่มขึ้น
  • หากท่านมีภาวะติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ท่านควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น หากท่านมีเพศสัมพันธ์ควรสวมถุงยางอนามัยที่ทำจากยางเท่านั้น (หรืออาจให้คู่นอนของท่านสวม) และใช้ทุกครั้งที่ท่านมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด, ทวารหนักหรือทางปาก สำหรับการใช้ยาฆ่าเชื้ออสุจิ เช่น โนโนไซนอล-เก้า (nonoxynol-9) อาจช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีได้บ้าง หากท่านใช้แล้วไม่เกิดอาการระคายเคืองช่องคลอด, ทวารหนักหรือปาก
  • ห้ามใช้เจลหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบของไขมันเป็นหลัก เนื่องจากผลิตภัณฑ์พวกนี้อาจทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ หากท่านต้องการใช้เจลหล่อลื่น ควรใช้เจลหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักเช่น เค-วายเจล (K-Y jelly) เป็นต้น สำหรับผู้หญิงควรสวมใส่ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงเนื่องจากการรับประทานยาคุมกำเนิดหรือใส่ห่วงคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีได้
  • หากท่านกำลังใช้ยาฉีดใด ๆ ห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • หากท่านมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์

อาการไม่พึงประสงค์

ยาอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการข้างเคียงขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ก.ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการข้างเคียงต่อไปนี้เกิดขึ้น

พบบ่อย

  • คันตามผิวหนังหรือผิวแห้ง, อ่อนล้า, กระหายน้ำมากขึ้น, ความอยากอาหารมากขึ้น, ปัสสาวะมากขึ้น, มีผื่นตามผิวหนัง

พบน้อย

  • รู้สึกแสบร้อนตามแขนขา, ซึมเศร้า, อารมณ์และสภาพจิตใจเปลี่ยนแปลงไป

พบน้อยมาก

  • เกิดถุงน้ำที่ผิวหนัง, ผิวหนังหรือเยื่ออ่อนต่างๆหลุดหรือลอก, มีไขมันสะสมบริเวณกกหลัง, มีไข้, ครั่นเนื้อครั่นตัว, ไม่สบายตัว, น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

ข.ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน

พบบ่อย

  • ปวดท้อง, รู้สึกแสบร้อนบริเวณรอบปาก, ท้องร่วง, คลื่นไส้, อาเจียน

พบน้อยหรือพบน้อยมาก

  • การรับรสเปลี่ยนแปลงไป

  • ค.อาการข้างเคียงอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย** หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อมูลเพิ่มเติม

ยานี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระจายตัวของไขมันบริเวณต่าง ๆ ร่างกาย โดยมีไขมันเพิ่มบริเวณไหล่ คอ และรอบลำตัว แต่มีการสูญเสียไขมันบริเวณแขน ขาและใบหน้า ทำให้แขนขาเล็กลง แก้มตอบ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงตามปกติของยานี้

กลุ่มยา

ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้

Abacavir, Abacavir, lamivudine, zidovudine, Delavirdine, Didanosine , Efavirenz, Indinavir, Lamivudine, Lopinavir+ritonavir, Nevirapine, Ritonavir, Saquinavir, Tenofovir, Zidovudine

ชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้

ยานี้มีชื่อภาษาไทยอื่นที่มีการใช้ดังต่อไปนี้

แอมปรีนาเวียร์

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้ ซึ่งไม่ได้แสดงในนี้

แหล่งอ้างอิง

  1. Micromedex Thomson Healthcare. Advice for the Patient Drug Information in Lay Language USP DI, volume ll. 25th ed. Massachusetts: Micromedex Thomson Healthcare, 2005:66-8.
  2. Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com (cited:Dec 12, 2010).
  3. Joint Formulary Committee. British National Formulary. 57th ed. London: British Medical Association and Royal Pharmaceutical Society of Great Britain, 2009: 639.
  4. Sunthornraj N, Fun LF, Evangelista LF, Labandilo LD, Romano MB, Afable JO, et al. MIMs Thailand. 106th ed. Bangkok: MediMedia (Thailand); 2007.

หทัยรัตน์ คังคะสุวรรณ
โพยม วงศ์ภูวรักษ์
22 มกราคม 2554 07 เมษายน 2554
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย